RSS

Haj 2012 : 3.มาดีนะตุลมูเนาวาเราะห์

26 Sep

มัสยิดนาบาวีย์ มาดีนะตุลมูเนาวาเราะห์

ห้วงช่วงเวลาแรกที่พวกเรามาถึงมาดีนะห์คือยามพลบค่ำที่เริ่มจะมืดมิด แม้กระนั้นความร้อนแผดเผาพัดผ่านมากับสายลมที่มากระทบหน้าเมื่อขณะลงจากเครื่องบินทำให้รู้สึกได้ว่าฮัจย์ปีนี้ในเรื่องที่เกี่ยวกับอากาศนั้นคงไม่เหมือนกับปีที่ผ่านมาเป็นแน่ คิดดูดิ..เทศการฮัจย์ได้เริ่มขึ้นแล้วแต่ความร้อนที่รู้สึกได้ในขณะนี้เหมือนกับกำลังอยู่ช่วงกลางๆของฤดูร้อนเลยที่เดียว.

แรกเริ่มเดิมที่เมื่อสี่ห้าปีที่ผ่านมาการทำฮัจญ์จะอยู่ในช่วงหน้าหนาว ยามใดที่เรามาถึงมาดีนะห์เป็นต้องหอบเสื้อกันหนาวหรือผ้าห่มเพื่อป้องกันลมหนาวที่พัดผ่านมา อุณภูมิในยามนั้นน่าจะอยู่ที่ระดับสิบกว่าๆองศา แต่มาทำฮัจย์ครานี้อุณภูมิยังค้างสูงอยู่ที่ระดับ 39-40 องศา.

การทำฮัจย์เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสถานที่และเวลา สถานที่ก็คือประเทศซาอุดี อาราเบีย ที่มักกะห์,มีนา,มุสดาลีฟะห์และที่ท้องทุ่งอารอฟะห์ จะไปทำที่อื่นนอกจากที่กล่าวมาข้างต้นนี้ไม่ได้ ส่วนเรื่องของเวลานั้นอนุญาติให้เหนียตครองเอียะรอมเพื่อทำฮัจย์นับตั่งแต่วันที่หนึ่งของเดือนเชาวาล – วันที่สิบของเดือนซุลฮิจญะห์ รวมแล้วสองเดือนสิบวัน ห้วงช่วงเวลาอื่นนอกจากนี้เราทำฮัจย์ไม่ได้

นี่คือจุดเปลี่ยนช่วงเวลาต่างๆของเทศการณ์ฮัจย์ที่แต่ละปีจะไม่ตรงกันกับปีที่ผ่านๆมา เพราะการพิจารณาวันเดือนปีในเทศการณ์ต่างๆของอิสลามนั้นจะใช้ปฏิทินจันทรคติ กล่าวคือด้วยการนับข้างขึ้นข้างแรมของดวงจันทร์เป็นหลักและด้วยวิธีการอย่างนี้เราจะพบว่าวันสำคัญต่างๆในปฏิทินอิสลามจะขยับเลื่อนเร็วขึ้นปีละประมาณสิบวันเมื่อเทียบกับปฏิทินสุริยคติ ตัวอย่างเช่นหากปีที่แล้ววุกุฟวันที่ 5 พฤศจิกายน มาปีนี้วันวุกุฟก็จะตกประมาณวันที่25 ตุลาคม เมื่อขยับวันเร็วขึ้นก็เท่ากับขยับหนีห่างจากหน้าหนาวเข้ามาอยู่ในหน้าร้อนมากยิ่งขึ้น หากเป็นเช่นนี้ในค่ำคืนวันอีดขณะมาเบตหรือค้างคืนที่ท้องทุ่งมุซดาลีฟะห์ คาดคิดว่าฮัจย์ปีนี้โดยไม่ต้องพึ่งพาอาศัยถุงนอนหรือเสื้อกันหนาวใดๆก็คงสู่หนาวไหวแล้วละครับ.

ในวันที่เรามาถึงมาดีนะห์ (20 กันยายน) นับเป็นวันที่สามหลังจากสนามบินเปิดสำหรับการต้อนรับบรรดาฮุจยาจผู้เป็นดั่งอขันตุกะแห่งพระผู้ทรงเราะห์มานที่หลั่งไหลเข้ามาจากทั่วทุกมุมโลก ห้วงช่วงเวลานั้นในมาดีนะห์โดยเฉพาะในมัสยิดนาบาวีย์ผู้คนยังไม่มากมายเท่าใดนัก ประเมินว่าหลังสามวันต่อจากนี้ไปภายในมัสยิดโดยเฉพาะทุกเวลาละหมาดจะต้องเนืองแน่นด้วยผู้คนอย่างแน่นอน.

วันแรกที่มาถึงผมไม่รอช้ารีบนำฮุจยาจเข้าไปที่มัสยิดนาบาวีย์,เข้าละหมาดซุนัตและดุอาที่เราเดาะห์และเยี่ยมกุบุรนาบี เสร็จแล้วออกมาด้านนอกมัสยิดอธิบายแก่ฮุจยาจถึงด้านและทิศต่างๆของมัสยิด,ที่ตั่งของโรงแรมที่พัก,แจกจ่ายซิมมือถือสำหรับติดต่อทางโทรศัพท์พร้อมกำหนดจุดนัดพบหากมีการพลัดหลงหรือพรากจากกัน นอกจากนั้นยังจัดตารางโปรแกรมเบ็ดเสร็จสำหรับหนึ่งสัปดาห์กว่าๆที่ต้องอยู่ที่นี้ โดยจัดโปรแกรมภายใน (เยี่ยมมัสยิดนาบาวีย์,เข้าเราเดาะห์,เยี่ยมกุบุรท่านรอซูลและสถานที่อื่นๆรอบมัสยิดนาบาวีย์)แต่เนิ่นๆในช่วงตอนต้นสัปดาห์ ส่วนโปรแกรมภายนอก (ซียาเราะห์สถานที่สำคัญรอบเมืองมาดีนะห์)เอาไปจัดในตอนท้ายของสัปดาห์ ทั่งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกับฝูงคนที่หลั่งไหลเพิ่มขึ้นทุกวันนั้นเอง.

ที่มาดีนะห์เราพำนักพักพิงที่นี่เป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์ อาจจะแปดหรือเก้าวันขึ้นอยู่กับความครบสมบูรณ์ของการละหมาดญามาอะห์สี่สิบเวลาที่มัสยิดนาบาวีย์ เป็นช่วงเวลาสั้นๆที่เราจัดเตรียมไว้สำหรับฮุจยาจได้มาละหมาดญามาอะห์ที่มัสยิดนาบาวีย์,เยี่ยมกุบุรนาบี,เข้าละหมาดและดุอาในเราเดาะห์ตลอดจนทำการซียาเราะห์สถานที่สำคัญต่างๆของประวัติศาสตร์อิสลามในอดีต เช่น มัสยิดกุบาฮฺ มัสยิดกิบลัตตัยน์และซียาเราะห์กุบุรบากิห์เป็นต้น ที่นี่ไม่มีกิจกรรมใดๆที่เกี่ยวกับฮัจย์ การมาที่นี้เพียงเพื่อเยี่ยมเยียนมหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ท่านรอซุลุลเลาะห์ ซ.ล และกิจกรรมอื่นๆที่กล่าวมาข้างต้น.

ราตรีนี้ดึกมากแล้ว ขอพักสักงีบเพื่อภารกิจต่อไปในวันรุ่งขึ้น โอ้อัลเลาะห์ขอได้โปรดปรานความดีงามแก่ข้าพระองค์และมุสลิมีนโดยทั่วกันด้วยเทอญ

ภายในมัสยิดนาบาวีย์ที่เต็มไปด้วยบรรดาฮุจยาจ

บนลานโล่งด้านทิศใต้ของมัสยิดนาบาวีย์

ร่มยักษ์รอบมัสยิดนาบาวีย์

 

Leave a comment